1.
คำสั่งในการเพิ่มข้อมูลลงตารางข้อมูล
Syntax : INSERT INTO
<table_name> [( column 1 , column 2 , …)]
VALUES ( value 1 , value 2 , … )
;
Detail : การป้อนข้อมูลด้วยคำสั่ง INSERT
นี้อาจจะระบุชื่อ Column หรือ ไม่ระบุชื่อ Column
ก็ได้ แต่ค่าของ value จะต้องมีค่าตรงกับ Column
ในตารางของค่า
2. คำสั่ง UPDAT เป็นคำสั่งปรับปรุงข้อมูลในตาราง
UPDATE
table-name
SET column-name1=value1[,column-name2=value2,...]
[WHERE condition];
3. คำสั่ง DELET เป็นคำสั่งลบข้อมูลแถวข้อมูลในตาราง
DELETE table-name
[WHERE condition];
4.สืบค้นข้อมูลจากหนึ่งตาราง
Syntax: SELECT column_name /* [column_name …]
FROM table_name
Detail: เครื่องหมายดอกจัน หมายถึง ทุกคอลัมน์
column_name ชื่อคอลัมน์ ( ฟิลด์ )
table_name ชื่อตาราง
5. สืบค้นข้อมูลโดยมีหลายเงื่อนไข
Syntax: SELECT column_name
/* [ ,
column_name …]
FROM table_name
WHERE เงื่อนไขที่ 1 การรวมเงื่อนไข
เงื่อนไขที่ 2 [ การรวมเงื่อนไข เงื่อนไขที่_ n ]
Detail :
Condition เงื่อนไขต่างๆ
การรวมเงื่อนไข
AND การรวมเงื่อนไขแบบทั้งหมด
OR การรวมเงื่อนไขแบบอย่างใดอย่างหนึ่ง
6. สืบค้นข้อมูลเงื่อนไขปฏิเสธ
Syntax: SELECT column_name /* [ , column_name …]
FROM table_name
WHERE เงื่อนไขปฏิเสธ condition
Detail : Condition เงื่อนไขใดๆ
เงื่อนไขปฏิเสธ
NOT ปฏิเสธ
7 .สืบค้นข้อมูลที่เป็นค่า NULL
Syntax: SELECT column_name /* [ , column_name …]
FROM table_name
WHERE expression IS [ NOT
] NULL
Detail: NULL คือข้อมูลที่ไม่มีค่าใดๆ
เมื่อมีการเพิ่มข้อมูลใน record โดยถ้าฟิลด์ใดไม่ได้ใส่ข้อมูลและฟิลด์ไม่มีการกำหนดค่า
default ฟิลด์นั้นจะมีข้อมูลเป็น NULL
8.สืบค้นข้อมูลตามส่วนข้อความ
Syntax: SELECT */ column_name [ , column_name …]
FROM table_name
WHERE expression [ NOT ] LIKE ‘string’
Detail: String คือ
ส่วนของข้อความ เช่น
“สม” หรือ ”พง”
เป็นส่วนของคำว่า ” สมพงษ์ ”
“m”, ”i” ,”o” , ”f” , ”t” เป็นส่วนของคำว่า ” Microsoft
”
% ,
* ส่วนของข้อความใดๆไม่จำกัดตัวอักษร (* In
MS Access)
_ , ?ส่วนของข้อความใดๆหนึ่งตัวอักษร (? In MS Access)
[ ] ตัวอักษรใดๆที่ปรากฎในช่อง [a] หมายถึงต้องเป็น a
[!] ตัวอักษรใดๆที่ไม่ปรากฎในช่อง [!a] หมายถึงต้องไม่เป็น a
[-] ช่วงตัวอักษร เช่น [a - c] หมายถึง a
, b , c
การกำจัดรายการซ้ำ
Detail
9. คำสั่ง DISTINCT
ใช้กำจัดรายการที่มีข้อมูลซ้ำกันให้เหลือเพียงรายการเดียว
โดยใช้ข้อมูลใน Field ต่างๆที่กำหนดในคำสั่ง SELECT เป็นเกณฑ์
10. คำสั่ง DISTINCTROW
ทำหน้าที่เช่นเดียวกับคำสั่ง DISTINCT แต่จะใช้ค่าของทุก
Field เป็นเกณฑ์แทน
11. การใช้ GROUP BY